วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันแรกในชีวิตของนู๋

เหตุการณ์ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่แม่บันทึกไว้ในไดอารี่เล่มโปรด เป็นสิ่งที่แม่ต้องจดจำไปตลอดชีวิต ใช่จ้ะลูก เรื่องราวเกี่ยวกับวันแรกของนู๋งัยล่ะจ๊ะ
27 ต.ค.2552 (39 สัปดาห์ 6 วัน)
           ตอนที่แม่เขียนบันทึกอยู่นี้ เป็นวันที่ 12 พ.ย.2552 แล้วจ้ะลูก ตลอดช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายรวดเร็วมากในแต่ละวัน จนแม่จับต้นชนปลายไม่ถูก กว่าจะได้ลงมือเขียนบันทึกก็ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว
           เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค.2552 ประมาณตีหนึ่ง แม่เริ่มมีอาการเตือนว่าลูกกำลังจะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว โดยแม่มีอาการปวดมดลูกเป็นระยะๆ ประมาณ 5 นาทีปวดครั้ง บางครั้งก็ 15 นาที แม่ก็เริ่มจับเวลาเลยลูก ถือถ้าปวดถี่ขึ้นก็ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว
           เวลาประมาณตี 4 แม่รู้สึกเริ่มปวดถี่ขึ้น เลยลุกมาเข้าห้องน้ำ ปรากฏว่ามีเลือดออก (มูกเลือดที่ปิดปากมดลูก) แม่ก็เลยปลุกคุณพ่อเลยให้เตรียมตัว ส่วนแม่ก็เตรียมอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อย เตรียมตัวไปโรงพยาบาลเลยลูก แล้วก็บอกคุณพ่อให้ปลุกคุณตากับคุณยายด้วย ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ รอรถมารับพี่พิมไปโรงเรียนเวลา 6.30 น. กว่าจะไปโรงพยาบาลก็ประมาณ หกโมงกว่าเกือบเจ็ดโมงเช้า
           เมื่อไปถึงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ประมาณ 7.20 น. แม่กับพ่อ คุณตาคุณยายก็ขึ้นไปชั้น 3 ห้องคลอดเลย ติดต่อพยาบาลว่ามีอาการใกล้คลอดแล้ว พยาบาลก็มารับตัวแม่เข้าไปห้องเตรียมคลอดเลยจ้ะ บริเวณห้องคลอดเขาจัดเป็นระเบียบสะอาดมาก ห้ามบุคลากรภายนอกที่ไม่มีธุระเข้าไปด้วย แล้วเขาเพียงแค่พ่อแม่หรือสามีเท่านั้น (เข้าไปได้ครั้งละ 1 คน) เข้าไปด้วยได้ พ่อก็เลยเข้าไปกับแม่ พยาบาลให้แม่เปลี่ยนชุดแล้วเตรียมขึ้นเตียง 8 เพื่อตรวจดูอาการจ้า
            เมื่อตรวจดูอาการแล้วปรากฏว่าแม่ปากมดลูกเปิด 3 ซม. แล้ว คุณหมอในห้องเตรียมคลอดบอกว่านอนโรงพยาบาลได้เลย ยังงัยวันนี้ก็ต้องคลอดแน่ น่าจะประมาณหลังเที่ยง ว่าแล้วก็ให้พยาบาลมาโกนขนที่อวัยวะเพศ แล้วก็สวนอุจจาระ เตรียมไว้เลย
เวลาประมาณ 8.30 น. ทุกอย่างเรียบร้อย แม่นอนรอเตรียมคลอดบนเตียง พร้อมอาการปวดมดลูกเป็นระยะๆ
เวลาประมาณ 9.00 น. คุณหมอเรืองศักดิ์ขึ้นมาดูอาการแม่ แล้วบอกให้พยาบาลใช้ยาเร่งให้คลอดได้เลย (เป็นยาเร่งการบีบตัวของมดลูก) คือจะปวดมากกว่าเดิม แต่ใช้ระยะเวลาน้อยกว่าเดิม โดยใส่ยาไปพร้อมกับน้ำเกลือที่ให้แม่ บรรยากาศให้ห้องเตรียมคลอดช่วงนั้น เต็มทุกเตียง มีคนนอนรอคลอดอยู่ประมาณ 7 คน มีคนที่เพิ่งมาเมื่อเช้าเหมือนแม่อยู่ 2-3 คน ส่วนคนอื่นบางคนมาตั้งแต่วันเสาร์ บางคนมาเมื่อวาน มีอยู่คนหนึ่งมาจากระโนด แต่คุณหมอให้กลับบ้านก่อน เพราะยังไม่ถึงกำหนดที่จะคลอด อีกคนหนึ่งท้องคนที่ 8 แล้ว นอนโวยวายเพราะเค้าปวดท้องมาก ปากมดลูกเปิดจะ 10 ซม. แล้ว ทนไม่ไหวขอหมอผ่าอย่างเดียวเลย ทั้งพยาบาลและคุณหมอก็มาช่วยกันดูใหญ่ แต่มีเตียงข้างๆแม่ที่น่าสงสารมากลูก เค้าท้องคนที่ 2 แล้ว แต่ลูกไม่สมบูรณ์ต้องเอาเด็กออก ทั้ง 2 ครั้ง ทั้งเจ็บและเสียใจน่าดู อุตสาห์มาจากภูเก็ต เห็นว่าใช้ยาเหน็บเร่งคลอด ปวดมากจนหลับไปเลย อีกเตียงหนึ่งก็เตรียมรอผ่าตัดคลอดทางช่องท้อง (ซีซาร์) ส่วนสามีก็คอยเช็ดหน้าเช็ดมือให้อยู่ตลอด
            ส่วนแม่จะเป็นอย่างไร เด๋วแม่จะกลับมาเล่าให้ฟังต่อนะจ๊ะ รอติดตามต่อไปนะคะลูก.....

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ครอบครัวของเราเน้นธรรมชาติ ธรรมชาติจ้า


คุณพ่อกับคุณแม่พบกันที่ทำงานของคุณแม่ เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน จนตกลงใจที่จะร่วมกันสร้างครอบครัวขึ้นมาเมื่อปีพ.ศ.2548  คุณพ่อกับคุณแม่เฝ้ารอคนที่จะมาเติมเต็มครอบครัวของเรา จนกระทั่งวันที่  27 ตุลาคม 2552  คุณพ่อกับคุณแม่ก็ได้เจอกับนางฟ้าตัวน้อยๆที่แสนน่ารักของเรา...น้องบัว ชีวิตของคุณพ่อกับคุณแม่เปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นจ้ะ เป้าหมายและการดำเนินชีวิตทุกอย่างเพื่อ...น้องบัว ความตื่นเต้น ความตื้นตันใจ ภาคภูมิใจและมีความสุขไปกับทุกวันที่เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูก น้องบัวเป็นเด็กที่โชคดีที่มีทั้งคุณปู่คุณย่า
คุณตาคุณยายคอยช่วยดูแล ช่วงแรกเกิดก็อยู่ที่บ้าน คุณแม่ที่จังหวัดสงขลา คุณตาคุณยายคอยช่วยดูแลและคอยเป็นกำลังใจให้คุณแม่มือใหม่ทั้งๆที่คิดว่าเตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับการเป็นแม่นะคะ แต่เอาเข้าจริงๆมีอะไรมากกว่าหนังสือที่อ่านเยอะมาก แต่เราก็มีความสุขมากค่ะที่ได้ดูแลเค้า พอช่วงที่คุณแม่ต้องกลับไปทำงานเราก็เลยกลับมาอยู่จังหวัดปัตตานี ที่บ้านคุณปู่คุณย่า น้องบัวเริ่มเรียนรู้และใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น  เราเลือกที่จะให้ลูกได้อยู่กับธรรมชาติในชนบทท่ามกลางความรักของครอบครัวที่มีทั้งคุณปู่คุณย่า และคุณพ่อคุณแม่ แม้ครอบครัวเสนารักษ์จะอยู่ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเราต้องคอยระวังตัวแต่ความอบอุ่นจากครอบครัวเล็กๆในสังคมของเรายังมีอยู่ตลอดเวลา
บ้านของเราอยู่ในอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี คุณปู่กับคุณย่าเป็นชาวสวนยาง รอบๆบ้านจะมีสวนผลไม้เล็กๆอยู่ติดกับตัวบ้าน แม้จะมีพื้นที่ไม่มาก แต่คุณปู่ก็ใช้พื้นที่อย่างมีประโยชน์ปลูกไม้ผลหลากหลายชนิด ซึ่งจะออกผลสลับกันไป น้องบัวจึงเป็นเด็กที่ชอบรับประทานผลไม้มากและรับประทานได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมะละกอ ส้มเขียวหวาน ชมพู่ ส้มโอ เงาะ ลองกอง(ของโปรดน้องบัว) และอีกหลายชนิดที่น้องบัวยังไม่เคยทาน  เช่น มังคุด ลูกู (ผลไม้พื้นเมืองของภาคใต้) ขนุน  ทุเรียน ฯลฯ   ส่วนคุณย่าชอบปลูกพืชผัก ไม้ล้มลุก เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วไซ ผักบุ้ง ถั่วพลู ดอกแค ฯลฯ บ้านของเราจึงมีผักและผลไม้รับประทานตลอด
กิจกรรมในตอนเช้าของทุกวันน้องบัวจะตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ปลุกพ่อกับแม่เพื่อจะออกไปดูเจ้ากุ๊กไก่คุ้ยเขี่ยหากิน และทักทายคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านที่กลับจากกรีดยางตั้งแต่ตอนเช้า บางครั้ง  คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ ก็เป็นหน้าที่ของคุณปู่จับน้องบัวใส่รถเข็นไปเที่ยวดูนกกระยางออกหากินกลางท้องทุ่งนาหน้าบ้าน น้องบัวชอบธรรมชาติมาก คุณพ่อกับคุณแม่ตั้งใจจะให้ลูกอยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด ตั้งแต่มีน้องบัว คุณพ่อกับคุณแม่ก็ปรึกษากันว่าจะเลี้ยงลูกที่ไหน แบบไหน จนตกลงใจว่าเราจะเลี้ยงลูกเน้นอิงกับธรรมชาติ จึงตัดสินใจอยู่ที่บ้านคุณปู่คุณย่า ลูกจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ น้องบัวชอบต้นไม้มาก ถ้าวันไหนมีอารมณ์หงุดหงิดซึ่งมักจะไม่ค่อยเป็น ปกติจะเป็นเด็กร่าเริงมากค่ะ ยิ้มตลอด ถ้าใครพาเที่ยวเดินชมดอกไม้ ต้นไม้ หรือชี้ให้ดูสัตว์ต่างๆรอบบ้าน เช่น พี่นก พี่กุ๊กไก่ น้องหมา ล่ะก็ อารมณ์ดีหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเลยค่ะ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พ่อกับแม่ว่างจากงานประจำ มีเวลาอยู่กับน้องบัวทั้งวัน กิจกรรมที่เราชักชวนกันทำ คือ การปลูกต้นไม้ค่ะ เนื่องจากคุณปู่ชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว ก็จะมีต้นไม้ที่เพาะชำไว้ต้นเล็กๆเต็มไปหมด พวกเราก็เลยช่วยกันปลูก คุณพ่อขุดหลุม คุณแม่เอาต้นไม้มาวาง จับมือคุณลูกช่วยกันกลบดินกับคุณแม่ แล้วก็ รดน้ำพรวนดิน หรือไม่ก็ไปเยี่ยมคุณยายที่จังหวัดสงขลา ที่บ้านคุณยายแม้จะอยู่ในเมืองแต่ก็มีต้นไม้ใหญ่น้อยมากมาย จัดเป็นสวนหย่อม แต่คุณยายก็ชอบธรรมชาติมากเลยปล่อยต้นไม้ให้โตตามธรรมชาติจนภายในบ้านร่มรื่นไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับมากมาย แถมยังมีปูนปั้นรูปสัตว์ต่างๆ ทั้งนกยูง นกแก้ว รูปปั้นเด็กน้อยยิ้มน่ารัก น้องบัวจะตื่นตาตื่นใจและสนใจธรรมชาติอีกรูปแบบค่ะ
คุณพ่อกับคุณแม่พยายามบอกน้องบัวให้รักต้นไม้ ต้นไม้มีชีวิตเหมือนเรา ถ้าไม่มีต้นไม้ เราก็อยู่ไม่ได้ นะคะ เราไม่ทราบว่าลูกจะเข้าใจที่เราพูดหรือเปล่า แต่เค้าจะตั้งใจฟัง และร่วมทำกิจกรรมอย่างดี  แต่เราหวังว่าการที่เราเปิดโอกาสให้เค้าได้เรียนรู้และอยู่กับธรรมชาติจะทำให้เค้ารักธรรมชาติ และเรียนรู้ ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุขต่อไปในอนาคตค่ะ  

ที่มาของชื่อน้องบัว

น้องบัวบูชา
ชื่อนี้ได้มาจากตอนที่คุณปู่ไม่สบายแล้วมีหมอบ้านให้คุณพ่อหาดอกบัวที่บูชาพระที่วัดมาต้มเป็นส่วนประกอบทำยาสมุนไพร แต่คุณพ่อหาไม่ได้เลยสักดอก ก็เลยอธิษฐานขอหลวงปู่ทวดถ้าหากมีลูกจะนำดอกบัวมาถวาย 999 ดอก แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็มีน้องบัวมาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของเราค่ะ
คุณตาเปิดหาชื่อลูกจากตำราตั้งชื่อของพระ ประกอบกับลูกเกิดวันอังคาร มีตัวอักษร บ เป็นศรี ลูกจึงได้ชื่อว่าน้องบัวบูชาค่ะ


   
                                
เนื่องด้วย พี่หมีได้มีกิจกรรมดีๆให้คุณแม่ได้ร่วมสนุก โดยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการเรียนรู้ของลูกน้อยหลังฝนตก คุณแม่ก็เลยได้โอกาสได้เขียนเรื่องราวของน้องบัวในช่วงวัยกำลังเรียนรู้เป็นความทรงจำที่ดีของคุณแม่และคุณลูกจ้า
วันฝนตกแสนสนุกของบัวบูชา
          น้องบัวในวัยหนึ่งขวบห้าเดือนกำลังเรียนรู้และสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นอย่างมาก น้องเริ่มพูดเป็นคำๆได้แล้วค่ะ ในวันที่ฝนมาเยือน เริ่มตั้งแต่ฝนเริ่มตั้งเค้า มีเสียงฟ้าร้องน้องบัวจะทำหน้าพร้อมท่าทางต๊กใจแล้วพูดว่า “ใจใจ”  คุณแม่จะปลอบน้องบัวแล้วบอกว่า “ฝนกำลังจะตกแล้วจ้ะลูก”  แล้วชวนน้องบัวมองบนท้องฟ้านกเริ่มบินกลับรังกันแล้วจ้ะ ปกติน้องบัวชอบนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านใต้ต้นชมพู่ จะมีกองทรายติดอยู่กับขนำ (ศาลาเล็กๆมุงจากเป็นที่นั่งเล่นของคุณปู่คุณย่าและญาติๆที่มักจะมานั่งเล่นพูดคุยกัน แล้วมองดูหลานบัวเล่นสมมติขายของตามจินตนาการเด็กน้อย  ถ้าวันที่ฝนตกน้องบัวจะเล่นบริเวณชานบ้าน น้องจะเอามือน้อยๆยื่นออกไปนอกชาน และตื่นเต้นดีใจทุกครั้งพร้อมพูดว่า “ฝน...ฝน”  ที่หน้าบ้านจะมีโอ่งน้ำลายมังกรใบใหญ่รองน้ำฝนสำหรับล้างมือล้างเท้าก่อนเข้าบ้าน น้องบัวชอบมองน้ำที่ไหลจากที่รองน้ำฝนลงโอ่งค่ะ เมื่อเล่นสนุกเต็มที่น้องบัวจะวิ่งมาที่โอ่งแล้วให้คุณแม่ตักน้ำเพื่อจะเอามือจุ่มลงไปล้างในขันน้ำ  บางครั้งน้องบัวอยากออกไปเล่นนอกบ้านอีก แต่คุณแม่จะบอกว่ารอให้ฝนหยุดตกก่อนนะคะ น้องบัวจะชี้ไปที่ร่มที่แขวนอยู่หน้าบ้านพร้อมบอกว่า “ร่ม...ร่ม” ให้เรากางร่มพาเค้าออกไปเที่ยวค่ะ
เมื่อฝนหยุดตกใหม่ๆ หอมกลิ่นดินโชยมา อากาศก็กำลังเย็นสบาย เหมาะแก่การเดินเล่นของนักสำรวจตัวน้อยเป็นอย่างยิ่งคุณแม่จะบอกให้น้องบัวฟังเสียงอึ่งอ่างที่ร้องกันระงมราวกับเสียงดนตรี แล้วชี้ให้ดูเจ้าคางคกกระโดดโหยง โหยงไปมา  น้องบัวชอบออกไปเล่นทรายหน้าบ้านที่ชุ่มฝนแล้วก็เล่นตักทรายใส่กะลามะพร้าวอย่างสนุกสนาน พร้อมส่งเสียงร้องวู๊ เมื่อคว่ำกะลามะพร้าวไปรูปทรงครึ่งวงกลมเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เรียงรอบตัวเป็นอาณาจักรของเค้าล่ะค่ะ คุณแม่จะชอบพาน้องบัวไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ของคุณปู่ค่ะ ไปดูน้ำค้างบนใบเข็มพันธุ์อินเดียกับใบโมกข์  น้องบัวจะชอบโน้มกิ่งเล็กๆลงมามองดูน้ำค้าง แล้วแกล้งดีดน้ำใส่คุณแม่พร้อมหัวเราะชอบใจ  เมื่อฝนตกครั้งใด น้องบัวกับคุณแม่ต้องมีเรื่องสนุกๆให้ได้เรียนรู้ร่วมกันเสมอค่ะ